โครงการพระดาบส
การจัดการศึกษานอกระบบ ในลักษณะโครงการตามกระแสพระราชดำรัส จึงนับได้ว่า เป็นโครงการที่นำร่องให้มีการพัฒนาระบบ การศึกษาของประเทศเป็นรูปการศึกษานอก โรงเรียนขึ้น ตั้งแต่นั้นมา โดยที่ลักษณะงานของโครงการนี้คล้ายคลึงกับงานของมูลนิธิ ส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงได้ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผนวกโครงการพระดาบสไว้เป็นส่วนหนึ่ง ของมูลนิธิดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2521 เป็นการชั่วคราว เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2523ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีคณะกรรมการจัดหาทุน โครงการพระดาบสขึ้น โดยมีคุณหญิง วัลลีย์ พงษ์พานิช เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการดังกล่าว ได้ติดต่อประสานงานเชิญชวนและจัดกิจกรรม พิเศษเพื่อจัดหา เงินและสิ่งของ โดยเฉพาะข้าวสาร โดยเสด็จพระราชกุศลตลอดมา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2524ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือกำกับดูแลโครงการพระดาบสอีกทางหนึ่ง โดยที่การฝึกอบรมตามโครงการนี้ จะได้ผลต่อเมื่อ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องเข้าพักอาศัยในสำนักงานโครงการตลอดการฝึก อบรมซึ่งเกิดปัญหาสถานที่พักอาศัยไม่เพียงพอ เมื่อปี พ.ศ.2527 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้สำนักงานโครงการฯ ดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนและหอพักเพิ่มเติมอีก 1 หลัง โดยใช้เงินของโครงการฯ ในวงเงิน 1.8 ล้านบาทเป็นการแก้ไขปัญหา อาคารหลังนี้ได้รับความร่วมมือจากกรมโยธาธิการออกแบบรายการก่อสร้างสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ได้ให้ความอนุเคราะห์ดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อปี พ.ศ. 2528 คณะกรรมการจัดหาทุนฯ ได้พิจารณาเห็นว่าโครงการพระดาบส กำลังประสบปัญหาเรื่องอาคารเรียน สมควรจะให้มีอาคารเรียน ถาวร ในการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท นนท์ตรึงใจสถาปนิก จำกัด และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ออกรูปแบบรายการและ ประมาณราคากลางไว้ในวงเงิน5ล้านบาท อาคารหลังนี้ คณะกรรมการ จัดหาทุนฯ ได้กำหนดน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา60พรรษา คณะกรรมการจัดหาทุนฯ ได้จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อหารายได้มา สมทบทุนอาคารเรียนนี้อีกหลายครั้ง อาทิ การเดินเพื่อสุขภาพ การจัดจำหน่ายสินค้าราคาถูกจากโรงงาน การจัดแฟชั่นผ้าไหมไทย จัดโบว์ลิ่งการกุศล เป็นต้น จนกระทั่งการก่อสร้างอาคารดังกล่าวได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ อาคารดังกล่าวเป็นอาคารตึก 3 ชั้น มีห้องเรียน 6 ห้อง ห้องประชุม 1 ห้อง ห้องประกอบพิธีตามศาสนา 1 ห้อง ในการก่อสร้างได้รับ ความอนุเคราะห์จากกองทัพบกอนุญาตให้กรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง นอกจากอาคารเรียนดังกล่าวแล้ว ยังได้ทำการก่อสร้างอาคารบ้านพักแบบ 2 ห้องนอน 1 หลัง สำหรับเป็นที่พักอาศัยของอาจารย์ผู้ ปกครองโรงเรียน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2532 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จดทะเบียนเป็นโรงเรียน ผู้ใหญ่พระดาบสกรมการศึกษานอกโรงเรียนและเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระ บรมราชานุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิพระดาบสขึ้น ซึ่งได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2533 โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิ ณ ปัจจุบันประกอบด้วย
• หม่อมหลวง จิรายุ นพวงศ์ -------------- ประธานกรรมการ
• พลอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ ------ กรรมการ
• คุณหญิง วัลลีย์ พงษ์พานิช--------------- กรรมการ
• นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา -------- กรรมการ
• หม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี--------- กรรมการ
• นายแก้วขวัญ วัชโรทัย ------------------- กรรมการ เหรัญญิก
• พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ -------- กรรมการ เลขาธิการ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการมูลนิธิกิตติมศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2536 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างอาคารเรียน เพิ่มเติมขึ้นอีก 1 หลังที่บริเวณ โรงช้างเดิม ท่าวาสุกรี อาคารหลังใหม่นี้เป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นบนจัดไว้เป็นที่พักของนักเรียน ชั้นกลางมีห้องเรียน2ห้อง ห้องพักครู1ห้อง และชั้นล่างเป็นห้องปฏิบัติการช่าง อาคารนี้ได้เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อ เดือนมกราคม พ.ศ.2537 และแล้วเสร็จ ในเดือนมกราคม พ.ศ.2538 (ที่ล่าช้าเพราะผู้รับเหมาก่อสร้างเดิม ละทิ้งงาน จึงต้องหาผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหม่) ใช้ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 4,560,000 บาท
0 ความคิดเห็น: